[Go!Graph S4] นั่งรถไฟสู่แสงเหนือจากรัสเซีย-นอร์เวย์ EP1 – ทรานไซบีเรีย เส้นทางรถไฟยาวที่สุดในโลก
สวัสดีค่ะ ในที่สุดก็ได้เริ่มรีวิวสักที หลังจากที่ Go!Graph ทริปยาวหายไปชาตินึงได้ เรามาเริ่มทริปอันน่าตื่นเต้นอีกครั้งในชีวิตกับ นั่งรถไฟสู่แสงเหนือ รัสเซีย – นอร์เวย์ 32 วัน งบ 150,000 บาท กันค่ะ !!
อ่าน Season 4 – นั่งรถไฟสู่แสงเหนือ EP.0 เปิดฉากมหากาพย์ ได้ที่ >> https://goo.gl/ppkUWc
อ่าน Season 1 – นั่งรถไฟไปหลังคาโลก หัวลำโพง – ทิเบต >> https://goo.gl/G9wJSj
อ่าน Season 2 – นั่งรถไฟญี่ปุ่นเหนือจรดใต้ >> https://goo.gl/Jzejrf
อ่าน Season 3 – นั่งรถไฟยุโรป เบเนลักซ์จนถึงเยอรมัน >> https://goo.gl/ptPWKS
จุดเริ่มต้นของทริป
เราว่าทุกคนคงน่าจะรู้จักเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลกกันอยู่แล้ว Trans-Siberian Railway เส้นทางนี้ตัดยาวตั้งแต่รัสเซียตะวันออก มาจนสุดรัสเซียตะวันตก นั่งกินยาวๆ ก็ล่อไป 7 วันได้ แต่พวกเราก็มีแวะระหว่างทาง และรีวิวนี้คือ รีวิวที่จะพูดถึงเส้นทาง ทรานไซบีเรีย กันแบบเต็มๆ ไม่มีกั๊ก เอาแบบเตรียมตัวถูก พรุ่งนี้ไปนั่งได้เลย !
Trans-Siberian Railway นักเดินทาง ครั้งนึงในชีวิตต้องมา !!
ทรานไซบีเรีย เส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก จาก Vladivostok – Moscow ระยะทางรวมทั้งสิ้น 8,800 กิโลเมตร คือเรียกว่าถ้ากางแผนที่โลกออกมาดู ก็กินไปเกือบครึ่งโลกแล้ว สุดจริงๆ
ถ้านั่งเส้นทางทรานไซบีเรียเต็มๆ ก็นั่งไปค่ะ 6-7 วันเต็มๆ !! กินนอนอึอาบกันในนั้นเลยนะ
คนส่วนใหญ่ถ้าได้อ่านรีวิว ทุกคนจะคิดว่า เส้นนี้เริ่มที่ ปักกิ่ง ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ใช่ค่ะ !!
ทรานไซบีเรียที่แท้จริง เริ่มที่ Vladivostok เมืองท่าริมสุดๆ ตะวันออกของรัสเซีย แล้วไล่มาทางตะวันออก ส่วนเส้นปักกิ่ง – มองโกเลีย อันนี้คือเหมือนจุดตัด เป็นอีกเส้นที่ชื่อว่า Trans-Mongolia แต่รีวิวนี้ เราขอเล่นแต่ Trans-Siberian เต็มๆ กันไปเลย
ต้องใช้เงินเท่าไหร่ เพื่อนั่ง Trans-Siberian
สำหรับเรา ที่เริ่มต้นที่ Vladivolstok แล้วจากนั้นก็มาลงป้ายต่อไปคือเมือง Irkutsk รัสเซีย และลงอีกทีคือ Moscow และลงอีกทีคือ St.Petersburg ดังนั้นถ้าใครคิดว่า ชอบนั่งรถไฟมาก นั่งยาว ล่อไปค่ะ 35,000 – 60,000 แล้วแต่ช่วงเทศกาลและราคามีการผันผวน
TIME ZONE !
ความยากของการนั่งเส้น ทรานไซบีเรีย ไม่ใช่แค่ มีเงิน ! แต่ต้องมีสติด้วย
เพราะ คิดแผนที่ว่า รัสเซียใหญ่สัส แล้วกลายเป็นว่า ปัญหาคือ Timezone เหมือนเรานั่งรถไฟขบวนเดียวที่ผ่านเกือบ 6 Timezone ได้ ดังนั้น เรื่องเวลาทุกคนจะกลัวมาก
แต่ ! รัสเซียสามารถมีวิธีการแก้ปัญหาได้ดีคือ เลิกสนใจเวลาท้องถิ่น ทุกขบวน ไม่ว่าจะจอดเมืองไหน ที่ไหน ทุกคนยึดเวลาจาก Moscow เป็นหลัก ดังนั้น กลายเป็นว่า ง่ายขึ้น แต่ต้องระวังมากขึ้นไปอีก
วิธีการจองรถไฟ
ทรานไซบีเรีย คือ เส้นทางรถไฟ ไม่ใช่ สายรถไฟนั้นๆ ดังนั้นเราแทบไม่ต้องเครียดเลยว่าจะได้หัวจักรอะไร ขบวนอะไร กลัวไม่เท่หรืออะไร คือแค่เราได้เข้าไปใช้ชีวิตตลอด 7 วัน ในนั้น เราแบบซึ้งเลย 55 ดังนั้น หน้าที่คือ จองรถไฟให้ได้ ขบวนอะไรก็ตาม เราได้มา ทรานไซบีเรีย แล้ว
วิธีการจองตั๋วรถไฟไม่ยากเลย เข้าไปที่ >> https://www.russianrailways.com/
สามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ เพียงพิมพ์ ต้นทาง – ปลายทาง ลงไป สบายมากและได้ตั๋วออนไลน์มายื่น ขึ้นได้เลย
รถไฟจะมีให้เราเลือกหลายประเภทมาก ดังนี้
- First Class >> ชั้นหนึ่ง ชีวิตดี มีอาหาร แพงสุด นอนกัน 4 คน มีประตู ในห้องเดียวกัน หรูหรา
- Second Class >> ชั้นสอง เราว่าคนปกตินอนอันนี้คือ โอเคแล้ว สบายดี นอนกัน 4 ห้อง มีประตูปิด โอเคมาก
- Third Class >> ชั้นสาม ถูกมาก และแออัดมาก คือพูดง่ายว่า สลัม 555 รสชาติของชีวิต
อันนี้ก็เลือกตามเอาแต่ใจชอบเลย แต่ พวกเส้นทางสายที่วิ่งสั้นๆ (เช่นจาก Moscow – St.Peter) จะเป็นรถไฟแบบนั่ง จนไปถึงรถไฟความเร็วสูง ดังนั้น ไม่ต้องนอน ไม่มีอะไรน่าห่วง
ได้เวลาขึ้นรถไฟ
เมื่อเราซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ Print ออกมา ไปที่สถานีรถไฟนั้นๆ ยื่นตั๋วให้พนักงาน ก็ขึ้นได้ แต่ก็เก็บไว้เผื่อเค้าตรวจตั๋วด้วยนะ ดูเลขที่นั่งให้เรียบร้อย เก็บของ จัดแจง แล้วมาสำรวจรถไฟกัน
ข้อมูลเยอะมาก ได้เวลาเล่าประสบการณ์จริงสักที เริ่มต้นออกเดินทางกันเลยค่ะ !!
28 มกราคม 2560 – 1 กุมภาพันธ์ 2650 : กรุงเทพ – รัสเซีย
ทริปนี้ เราเริ่มต้นกัน 2 คน (ฟ้าและตุ๋ย) บินจากไทยมารัสเซีย แต่เราลงที่ Vladivostok เมืองท่า ที่คนมาน้อยมากกก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของทางรถไฟไง ก็ต้องแบบจริงจัง มาเมืองนี้เท่านั้น
เส้นทางบินไม่ยาก ก็จองตั๋วเครื่องบินปกติ ขาเดียว มาลง สักพักก็ถึงสนามบิน Vladivostok แล้ว
จากสนามบิน เรานั่งรถไฟเข้าตัวเมือง นั่ง Express Train 1 ชม. คนละ 230 rub (ประมาณ 100 กว่าบาท)
พอถึงสถานีรถไฟ Vladivostok พวกเราก็เอาตั๋วที่จองเพื่อไปเมืองต่อไป เตรียมตัวขึ้นรถไฟเลย เพราะ Vladivostok ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก
แต่ !! เหมือนที่เราเล่า Timezone เป็นเหตุ จากตั๋วบอกว่า เราจะขึ้นรถไฟตอน 12.00 แต่ว่าเราเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเวลาของ Vladivostok แต่พนักงาน (ที่พยายามสื่อสารกับเรา) บอกว่า รถไฟออก 19.00 อีก 7 ชั่วโมงหลังจากนี้ !! เราก็งงกัน ว่าทำไม รถไฟเลท สรุปคือ Timezone Moscow คือ -7 จากตรงนี้ เท่ากับ ตอนนี้ไม่ใช่ 12.00 ของ Moscow เราก็เลยต้องรอต่อไป
ในสถานีรถไฟมีห้องนอน ที่อาบน้ำ ฝากกระเป๋า ไม่แพงมาก และเวลาดูตารางรถไฟทั้งประเทศให้ยึด ระบบ moscow time นาฬิกามันก็จะแปลกๆ หน่อย แต่พอเข้าใจแล้ว ก็ได้มีเวลาอยู่ Vladivostok 7 ชั่วโมง
Vladivostok
วลาดิวอสต็อกเป็นเมืองท่าสำคัญเมืองนึง ถือเป็นเมืองเจริญสุดของฝั่งขวารัสเซีย เป็นเมืองจุดเริ่มต้นและจุดจบของเส้นทางรถไฟยาวที่สุดในโลก ทรานไซบีเรีย อีกด้วย ตัวเมืองก็ออกสไตล์ยุโรปผสมเอเชียนิดๆ (เอาจริงดูยุโรปปลอมๆ 55) บรรยากาศคือ เหงา หนักมาก เพราะหนาว แทบไม่มีคนออกมา เราก็เอเชียหน้าจีนงงๆ โคตรเหงาและเศร้ามากอะ
บ้านเมืองไม่ใหญ่มาก มีห้างเศร้าๆ ร้านอาหารเศร้าๆ ห้างซูเปอร์มาร์เกตใหญ่ๆ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเศร้าๆ สรุปคือเมืองดูหนาวและเศร้ามาก หดหู่ระดับโปแลนด์ อาหารก็เย็นชืด (มีชานม เครปญี่ปุ่น แต่ไม่น่ากินมาก) คนก็พูดอังกฤษไม่ได้แบบไม่ได้เลยนะ keyword ก็ไม่ได้ คือแบบคนละสายพันธุ์มนุษย์กันเลย งงมาก
พวกเราซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตกักตุนอาหาร กินให้อิ่ม อาบน้ำให้สะอาด เหมือนเตรียมตัวไปรบ 55 บรรยากาศคือ เหงาสัดๆ หนาวก็หนาว แม่งไม่มีอะไรทำอีก เศร้ามากจริงๆ
-20 องศาเซลเซียส
อีกเรื่องคือ อากาศ เราไปช่วงหน้าหนาว (คิดสภาพว่าหน้าหนาว รัสเซีย..) หนาวสุดในชีวิตแล้วมั้ง หนาวแบบตอนอยู่ไทยคือ พารานอยว่าชุดพร้อมมั๊ย กูจะแข็งตายไปตายไหม หนาวจนไม่รู้จะใส่เสื้อผ้ายังไง แต่โชคดีที่รอดมาได้ ตกใจเหมือนกัน
*เราเคยเขียนเรื่องใส่เสื้อผ้ากันหนาวไว้แล้วที่ ตอน EP.0 ไปอ่านที่ >> https://goo.gl/ppkUWc
ผลเลยออกมาว่า เด็กผู้หญิง(น่ารัก) 2 คน กับชุดหนักๆ กระเป๋าเป้ใบยักษ์ อยู่ท่ามกลางเมืองประหลาดในรัสเซีย เย้ ..
ได้เวลาขึ้นรถไฟ (ของจริง)
เราจำได้ว่า กว่ารถไฟจะมาคือ 19.00 ท้องฟ้าหน้าหนาว มืดไวมาก เราออกมายืนรอรถไฟกันกลางแจ้ง สักพักมือเริ่มชา รถไฟมาพอดี เรารีบยกกระเป๋าขึ้นไปยังที่นั่ง จัดแจงข้าวของ ห้องนี้ที่เราต้องอยู่อีก 3 วันหลังจากนี้
เอาจริง ถึงจะเดินทางมาเยอะ แต่พอมาเจออะไรแบบนี้ กลัว ไปหมด
ใครจะมานอนกับเราคืนนี้, เค้าจะมาอยู่นานแค่ไหน, เค้าจะอันตรายน่ากลัวรึเปล่า, รถไฟจะไปถึงที่หมายที่เราจะไปไหม ฯลฯ คือมีแต่คำถาม แต่แบบ ทำใจ ทำอะไรไม่ได้
Trans-Siberia Railway — Day 1
คืนแรกในรถไฟ เราตื่นเต้น นอนไม่หลับ เพราะมัวแต่แบบใครจะมานอนกับเรา.. มีคนเข้าออก รถไฟจอดระหว่างทางตลอด เป็นผู้ชาย 2 คนตัวใหญ่ๆ มานอนเตียงตรงข้ามเรา แต่ตอนเช้า เค้าก็หายไป
เรานอนตู้ Second Class
เช้าเราตื่นมา กิจวัตรคือ แปรงฟัน ล้างหน้า
ห้องน้ำ – ต้องเดินไปสุดทางเดิน มีกระดาษรองโถให้ มีทิชชู่ มีพนักงานทำความสะอาด (แบบถูพื้นโง่ๆ) ก๊อกน้ำเป็นแบบต้องกดเหล็กลงไปถึงจะน้ำไหล (แปลกมาก)
ปลั๊กไฟ – มีที่ชาร์ตเยอะ ริมทางเดิน
Internet – บอกเลยว่า แทบจะไม่มี ระหว่างที่ผ่านป่า ภูเขา รายทางมีแต่หิมะ แทบไม่มีบ้านคน แต่จะมีสัญญาณตอนผ่านเมือง หรือรถไฟจอดบางเมืองให้คนลง พอจะเล่นได้บ้างเล็กน้อย
Trans-Siberia Railway — Day 2
เหมือนกับหายไปจากโลกออนไลน์ !!
เราแม่งยอมรับเลยว่า ติดมือถือมาก พอได้กลับไปอยู่ในยุคที่ไม่มีเน็ต ได้แต่ฟังเพลง ทำงานผ่านคอม (เอาคอมไปทำงานด้วยนะ) รู้สึกเลยว่า เออเราอยู่ได้ แต่แบบไม่สบายใจนัก โหวงๆใจ เหมือนเป็นอีกโลกจริงๆ
อาหารการกิน
จะกินมาม่า ปลากระป๋องที่ซื้อมา ผลไม้ก็ได้ หรืออยากกินอาหารที่เป็นอาหาร ก็ไปที่ตู้เสบียง ราคาค่าครองชีพพอกับ พารากอน อาหารก็เป็นซุป จืดชืด เหมือนอยู่ในยุคสงคราม ซื้อน้ำเปล่าก็จากที่นั่น
เราใช้ชีวิตแบบ ตื่นเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน กินข้าวเช้า นั่งทำงาน ออกไปดูวิวริมหน้าต่าง ที่มีแต่หิมะขาวโพลน
เดินไปมาในตู้รถไฟ กินข้าวเที่ยง ทำงาน นอนแต่หัวค่ำ (เพราะไม่มีอะไรทำ) คืออยู่แบบนี้มา 2 วัน — โอโห งานการ Productive มากๆ (ภาคบังคับต้องทำงาน) และตัดขาดจากโลกภายในอย่างแท้จริง
Trans-Siberia Railway — Day 3
มิตรภาพบนทางรถไฟ
รอบนี้เราจองแบบ Second Class เส้นทาง Vladivostok – Irkutsk ใช้เวลานั่งประมาณ 72 ชั่วโมง (3 วัน)
คือไม่มีอะไรทำ จนต้องคุยกับลุงข้างๆ ลุงเป็นเหมือน แรงงานก่อสร้าง จะนั่งขึ้นไปตอนบนของรัสเซีย อาชีพลุงคือ ขุดเจาะน้ำมัน (เราเคยดูสารคดี มันจะมีพวกขุดจากขั้วโลกเหนือเอาไรงี้) ลุงมีลูก มีเมีย มีรถไฟ ลุงเปิดจากมือถือเก่าๆ ลุงให้ดู
ลุงหน้าตาเหมือนทหารรัสเซียมาก หน้าตาดูโหดสัสรัสเซีย แต่แบบใจดีมากกกกก แบ่งชา ขนมรัสเซียให้กิน ชวนคุย (แม้จะคุยกันโคตรไม่รู้เรื่องเลย ลุงพูดอังกฤษไม่ได้ และ เราพูดรัสเซียไม่ได้) แต่ก็แปลกดี — ทุกวันเรามองวิวที่เรามองไม่ได้ในเมือง แต่มองมา 3 วัน ก็แบบอยากให้ถึง Irkutsk สักทีแล้ว
ในที่สุดเราก็มาถึง Irkutsk ลุงลงมาส่งที่สถานีรถไฟด้วย (แล้วลุงก็นั่งขบวนเดิมไปต่อนะ)
ถือว่าเป็นมิตรภาพ ที่ดีมากสำหรับทริปนี้ จากความรู้สึกไม่ไว้ใจ เป็นเห็นหน้ากันบ่อย สนิทกันขึ้น ลุงแบบช่วยเราเยอะ และทำให้ 3 วันไม่น่าเบื่อ แต่พวกเรายังเดินทางต่อไป รีวิว EP.1 เปิดฉากทรานไซบีเรีย ข้อมูลเยอะหน่อย แต่แบบแค่เราเขียนถึง ก็ทำให้กลับไปนึกถึงเหตุการณ์นั้นได้จริงๆ ว่ามันเคยเกิดขึ้นแล้วในชีวิตครั้งนึง
ช่วงขายของสักหน่อย
Lumix GF9
ทริปนี้เราใช้กล้อง Lumix GF9 ในการเดินทาง ภาพทั้งหมดในรีวิวนี้เกิดจากกล้องตัวนี้ค่ะ พกพาง่ายสะดวก และถ่ายสวย เอาลองมือถือ อัพไอจีได้เลย ปลื้มมาก ชอบจริงจัง
Tripizee
ถึงจะบอกว่าไม่มีสัญญาณรายทางเลย แต่พวกตามเมืองใหญ่ๆ เปิดเครื่อง Tripizee ปุ๊ป มี 4G มาเลย ดังนั้นยังพอติดต่อกับที่บ้านได้บ้าง ขอบคุณมากจริงๆ
Superrich สีเขียว
ไปหลายประเทศ แลกเงินมันทีเดียว ที่นี่แหละ สบายใจ ถูกที่สุด ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด
ระหว่างทาง
ท้ายสุด รวมภาพวิวระหว่างทางเส้นทางไซบีเรีย เหงาและหนาวมากจริง
ตอนหน้า EP.2 เด็ดกว่าเดิม เพราะเราจะพาไป ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ พื้นเป็นน้ำแข็งทั้งหมด Baikal Lake เจอกันเมื่อชาติต้องการ !!